กล่าวฝ่ายพระพรุฤชุศรี
มาบัดนี้นอนซมระทมท่า
ไฟรักเร้าเผาใจไหม้อุรา
หลับเห็นหน้ายุพาอรัญยานี
ลืมตาตื่นขืนมองบนท้องฟ้า
ยังเห็นหน้ายุพามารศรี
จะหลับตื่นฝืนแลแม้นาที
โฉมนรี ตรึงตาให้อาลัย
แล้วได้ยินเสียงเพรียกเรียกหมีเอ๋ย
กระไรเลยเฉยชาเป็นบ้าใบ้
นอนหน้านิ่วคิ้วขมวดปวดอะไร
สองวันไม่เห็นหน้าข้าอาทร
ครั้นเจ้าหมีแลเห็นเป็นยุพา
ขยี้ตา ว่าไม่ใช่ภาพหลอน
ได้ยินน้องร้องหาว่าอาทร
เรื่องทุกข์ร้อนผ่อนคลายหายโศกี
แล้วจึงกล่าวเล่าความไปตามเรื่อง
พระพิมเคืองเรื่องขอเจ้าเป็นเมียพี่
จึงบัญชาข้อห้ามปรามฤดี
แล้วเจ้าหมีเล่าความที่ปรามไป
อรัญยาณีวางเฉยที่เอ่ยอ้าง
แก้มนวลปรางแดงเรื่อนั่งเบื้อใบ้
หมีเอ่ยถามนงรามเจ้าทรามวัย
เจ้ามีรักหรือไม่ในชีวัน
อรัญยาณี / กระไรหรือคือนามของความรัก
พระภรุ / คือดวงพักตร์ยั่วเย้ายามเจ้าฝัน
ครั้นตื่นมาตรึงตาวิลาวัณย์
อรัญยาณี / ช่างโศกศัลย์รักนั้นข้าหวั่นกลัว
พระภรุ / คือจันทรภาสวรตอนราตรี
อรัญยาณี / แล้วเมฆีหมกแมกแสงสลัว
พระภรุ / คือน้ำค้างพร่างหล่นบนใบบัว
อรัญยาณี / มิอาจซึมซาบตัวบนบัวใบ
พระภรุ / คืออุษาลาวัณย์ตะวันฉาย
เลื่อมพรรลายฉายแสงแห่งรักใคร่
อรัญยาณี / ถึงวสันต์ลาวัณย์จาบัลไป
ด้วยสิ้นไร้แสงสูรย์เกื้อกูลมา
พระภรุ / คือสายลมโลมไล้ในใจพลัน
อรัญยาณี / ยามเหมันต์ พัดผ่านสะท้านพร่า
พระภรุ / เหมันต์ช่วงล่วงแล้วหนอแก้วตา
อรัญยาณี / ถึงปีหน้าย่อมมาเป็นอาจินต์
พระภรุ / คือบุปผาบานชื่นบนผืนป่า
อรัญยาณี / แล้วหล่นร่วงโรยลาคุณค่าสิ้น
กลีบดอกแล้งแห้งโหยลงโปรยดิน
คุณค่าสิ้นเคียงดินในถิ่นไพร
พระภรุ / แล้วกระไรคือนามของความรัก
อรัญยาณี / เศร้าใจนักรักนี้ไม่มีได้
รักข้าอยู่
แว่นแคว้นดินแดนไกล
ผู้วิไลในฝันเคยพรรณนา
ครั้นสิ้นคำจำนรรอรัญยาณี
แลเจ้าหมีรันทดสลดหน้า
ว่าหมีเอ๋ยไม่เคยเลยสักครา
จะร้างลาจากไกลสิ้นไมตรี
จะหลบลี้บิดามาเป็นเพื่อน
ไม่แชเชือนเลือนร้างไปห่างพี่
สักวันหนาบิดาคงปราณี
พี่คนดีอย่าโศกวิโยคใจ
แล้วจึงได้ร่ำลาด้วยอาวรณ์
อกสะท้อนถอนใจให้หวั่นไหว
หมีมองร่างโฉมนางเดินจากไกล
เลือนหายไปในแสงสุริยา |